อสังหาฯแห่ตุนที่ดิน รับแผนผุดโครงการใหม่



จากการสำรวจข้อมูล ตั้งแต่เดือน พ.ย.-ธ.ค.2560 ที่ผ่านมา พบว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ได้จัดสรรงบสำหรับซื้อที่ดิน เพื่อรองรับแผนการ เปิดโครงการใหม่ๆ ในปีนี้ ทั้งโครงการ แนวสูง และแนวราบ

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินในปี 2561 ไว้ที่ 12,000 ล้านบาท โดยจะเน้นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 60% และบ้านเดี่ยว 40% เช่นเดียวกับ บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งแจ้งว่า ได้เข้าซื้อที่ดินซึ่งตั้งอยู่บน ถนนวงแหวนอุตสาหกรรม แขวงช่องนนทรีเขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 19-1-11.70 ไร่ ในราคาซื้อขายที่ 1,658.02 ล้านบาท  เพื่อใช้พัฒนาโครงการในอนาคต และกระจายความเสี่ยงธุรกิจ โดยมีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หลายประเภทมากขึ้น



บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยข้อมูลว่า ปี 2561 บริษัทตั้งงบลงทุนที่ 5,000 ล้านบาท จากปี 2560 ซึ่งใช้งบลงทุน 1 0,000 ล้านบาท สำหรับซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ ที่อยู่อาศัย และ พัฒนาคลังสินค้าให้เช่า โดยการลงทุนพัฒนาคลังสินค้าให้เช่า คาดว่าจะเห็นภายในปีนี้ ใช้เงินลงทุนรวมค่าที่ดินราว 500 ล้านบาท เป็นรูปแบบ คลังสินค้า Buit to suit ขนาดเล็กในพื้นที่ EEC ซึ่งลูกค้าที่จะเช่าจะได้การสนับสนุนจากพาร์ทเนอร์ญี่ปุ่นที่มีฐานลูกค้าในมือ เข้ามาเป็นผู้เช่าในโครงการดังกล่าว

บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยข้อมูลว่า ปี 2561 บริษัทจัดสรรงบลงทุน 1,000 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินเพิ่มส่วนพื้นที่ อมตะนคร และอมตะนคร ปัจจุบันที่ดิน รอการพัฒนาเพื่อขาย 7 พันไร่ โดย เงินทุนมาจากเงินที่ได้จากออกหุ้นกู้ใน ช่วงที่ผ่านมามูลค่า 5,000 พันล้านบาท โดยนำไปชำระคืนหนี้ 4 พันล้านบาท ทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทลดลงอยู่ที่ 2.82% และอีก 1,000 พันล้านบาท เพื่อ ซื้อที่ดิน ส่วนเป้าหมายยอดขายปีหน้า และเป้ารายได้อยู่ระหว่างการทำแผนงาน นอกจากนี้ บริษัทยังสนใจที่จะพัฒนานิคมฯที่เมียนมา หลังจากที่ได้ลงทุนที่เวียดนาม

บริษัท ลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัทตั้งงบลงทุน ซื้อที่ดินปี 2561 จำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินในการพัฒนาโครงการใหม่ จากปัจจุบันที่บริษัทได้มีการซื้อที่ดิน ไว้แล้วบางส่วน

บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ปี 2561 บริษัทตั้งเป้ายอดขาย สำหรับธุรกิจที่อยู่อาศัย 26,600 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้ที่ 16,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 คิดเป็น 35% และ มีแผนจัดซื้อที่ดินเพิ่มจำนวน 34 แปลง ในงบประมาณ 13,240 ล้านบาท โดย มีแผนเปิดโครงการใหม่ 34 โครงการ มูลค่ารวม 39,600 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์โฮม 20 โครงการ บ้านแฝด 8 โครงการ บ้านเดี่ยว 4 โครงการ และ โครงการต่างจังหวัด อีก 2 โครงการ



ด้านบริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า ปี 2561 จะใช้ งบลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นซื้อที่ดิน 1,000 ล้านบาท อีก 2,000 ล้านบาท ใช้ก่อสร้างโครงการ โดยแหล่ง เงินทุนมาจากกระแสเงินสดของบริษัท และกู้จากสถาบันการเงิน บางส่วนอาจมาจาก นักลงทุนใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญ แสดงสิทธิ RICHY-W1 และ RICHY-W2  บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ปี 2560 บริษัทมั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมาย ที่วางไว้ที่ 4,500 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในไตรมาส 4 ประมาณ 2,700 ล้านบาท ส่วนยอดขายปัจจุบันสามารถทำได้แล้วกว่า 5,000 ล้านบาท สูงกว่า เป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว

ขณะที่แผนปี 2561 เบื้องต้นตั้งเป้ารายได้และยอดขายเติบโตจากปี 2560 ประมาณ 20% โดยมี backlog จะรับรู้ ในปี 2561 ประมาณ 1,000 ล้านบาท รวมถึงบริษัทมีสต็อกสินค้าเหลือขาย ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถ รองรับรายได้ทั้งปี 2561 แล้ว

ส่วนแผนการเปิดโครงการใหม่ เบื้องต้นวางไว้ที่ 10 โครงการ มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยเน้นเป็นคอนโดมิเนียมสูง และ 8 ชั้น รวมถึงมีโครงการร่วมทุนกับ บริษัท ฮันคิว เรียลตี้ จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) ด้วย ซึ่งขณะนี้มีที่ดินรองรับครบแล้ว

และตั้งงบซื้อที่ดินในปี 2561 ไว้ที่ 10,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปี 59 โดยจะ พยายามหาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้า เพราะ ยังมีความต้องการค่อนข้างสูง ซึ่งที่ดิน ส่วนนี้จะใช้รองรับการพัฒนาโครงการ ในปี 2562

เช่นเดียวกับริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) UV  ระบุว่า ปี 2561 ตั้งเป้า งบลงทุนซื้อที่ดิน 2,000-3,000 ล้านบาท เพื่อสร้างคอนโดมิเนียมเน้นทำเลใกล้ แนวรถไฟฟ้า ทั้งนี้ หากเจอที่ดินสวยทำให้เกิดประโยชน์และมีราคาสูงกว่าเป้าดังกล่าว มีโอกาสกู้อนุมัติเพิ่มเติมได้ โดยจะใช้ สร้างคอนโดฯ ในปีถัด ๆ ไป ซึ่งคาดหวังว่าจะสร้าง 1 โครงการต่อ 1 ไตรมาส

ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัท ยูนิเวนเจอร์ มาจากอสังหาริมทรัพย์ ประมาณ 80% และสังกะสี 20%

"ในส่วนของรายได้รวมกลุ่มงวดปี 2561 คร่าวๆ อยู่ที่ 19,000-20,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้รวมประมาณการของบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ Gold และธุรกิจอื่นๆ นอกเหนือจากธุรกิจหลักของบริษัทด้วย" ผู้บริหารบริษัทให้ข้อมูล

โบรกประสานเสียง แนะลุยหุ้นอสังหาฯปีนี้

ปี 2561 บริษัทหลักทรัพย์หลายค่ายต่างให้เป้าหมาย ดัชนีเหลือระดับ 1,800 จุดเป็นส่วนใหญ่ และแนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มเด่นๆ ซึ่งหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ติดโผ

บล.ทิสโก้ ระบุว่าหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจในปี 2561 คือหุ้นกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ โดยแนะนำลงทุนในหุ้น แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) ,ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) และ พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) เนื่องจากบริษัทจะเน้นไปที่โครงการประเภท low-rise โดยคาดว่าบริษัทมีแนวโน้มการเปิดตัวโครงการในปี 2561 ที่เพิ่มขึ้น จากฐานต่ำในปีนี้ นอกจากนี้มีการซื้อขายที่ PER ปี 2561 (คาดการณ์) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรม โดยประเมินมูลค่าหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ด้วย PER เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี และคาดว่า ยอดจองของกลุ่มจะลดลงในปี 2561 เนื่องจากจำนวนการเปิดตัวสูงในปีนี้ โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม

อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน หุ้นอสังหาริมทรัพย์ยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ การแข่งขันที่รุนแรง, ยอดจองต่ำกว่าคาด, ยอดขาย โครงการเดิมเพิ่มขึ้น และการลดราคา และการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยและการเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุน ซึ่งอาจทำให้กระแสเงินสดของธุรกิจที่อยู่อาศัยลดลง

ส่วนปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น, การก่อสร้างระบบขนส่งมวลชน และความล่าช้าในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินแนวโน้มผลประกอบการบริษัทควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) คาดว่ากำไรปกติไตรมาส 4 ปี 2560 เท่ากับ 961 ล้านบาท เป็นระดับสูงสุดของปี ด้วยอัตราการเติบโต 13% จากไตรมาส ก่อน และ 42% จากงวดเดียวกัน ปีก่อน ตามแผนการเร่งโอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดโอนคอนโดมิเนียมใหม่ The Trust @ BTS เอราวัณ มูลค่า 3.4 พันล้านบาท ต่อเนื่องจาก ไตรมาสก่อนหน้าและ Casa @ MRT สามแยกบางใหญ่ มูลค่า 1.7 พันล้านบาท (ขายได้แล้ว 70%) สร้างเสร็จพร้อมโอนในไตรมาส 4 ปี 2560 ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเร่งขึ้นต่อเนื่อง 9% จากไตรมาสก่อน เป็น 434 ล้านบาท คิดเป็น 45% ของกำไรสุทธิ

นฤมล เอกสมุทร นักวิเคราะห์ การลงทุนและปัจจัยพื้นฐานด้าน หลักทรัพย์ หลักทรัพย์บัวหลวง ระบุว่า จากการเปิดตัวโครงการใหม่ ในเดือน พ.ย.ที่อยู่ในลักษณะ "คึกคัก" อาจทำให้ยอดขายและกำไรในช่วง ไตรมาส 4 ปี 2560 ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เติบโตแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า แต่เนื่องจาก ตลอดเดือน ต.ค.เป็นช่วงของ พระราชพิธี และเดือนธ.ค.มี วันหยุดค่อนข้างมาก ทำให้ 9 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำอย่าง ANAN, AP, LH, LPN, PSH, QH, SC, SIRI และ SPALI อาจมียอดจองซื้อ ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2560 ลดลง 15-20% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2560 แต่จะสูงขึ้น 10-15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน


ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ




บ้านลุมพินี บ้านเดี่ยวลุมพินี ทาวน์โฮมลุมพินี โฮมออฟฟิศลุมพินี บ้านน่าอยู่ ทาวน์โฮม บ้านพร้อมอยู่

แสดงความคิดเห็น

Designed by OddThemes | Distributed by Gooyaabi Templates