เมเจอร์ โหมโรงคอนโดหรูจับตา มิวนีค หลังสวน ปลุกตลาดบน

รายงานการขยายตัวของเมือง การพัฒนาห้างสรรพสินค้า โรงแรม และออฟฟิศเช่าเกรดเอ และการเปิดบริการรถไฟฟ้าบนถนนสุขุมวิท ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสาย แรกของประเทศไทย ประกอบกับความนิยมในการอยู่อาศัยของกลุ่มนักท่องเที่ยว และชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ที่สำคัญ คือการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในย่านดังกล่าว เป็นปัจจัยหนุนให้ราคาที่ดินย่านสุขุมวิทมีราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ที่ดินแปลงสวยๆ ในย่าน ถนนวิทยุ ซอยต้นสน และซอยหลังสวน ที่มีขนาดใหญ่พอที่สามารถพัฒนาคอนโดฯใหม่ๆ หายากมาก หรือแทบหาไม่ได้แล้วในปัจจุบัน

ในขณะที่ดีมานด์ในพื้นที่ นักลงทุน และเศรษฐีเก่า รวมถึงดีมานด์จากชาวต่างชาติยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้โครงการที่เปิดใหม่ในย่านดังกล่าวใช้เวลาในการเปิดขายเพียงระยะสั้นๆก็ปิดตัวลง ที่สำคัญในทำเลหลังสวนนั้น ยากนักที่จะมีโครงการใหม่เปิดตัวออกมา โดยเฉพาะโครงการในรูปแบบ ฟรีโฮลด์ (Freehold) เนื่องจากที่ดินในทำเลดังกล่าวส่วนใหญ่ เป็นของสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และสถานทูต

ทั้งนี้ การเปิดตัวโครงการ "มิวนีค หลังสวน" (MUNIQ Langsuan) คอนโดฯแบบ ฟรีโฮลด์ (Freehold) ของ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD ในช่วงต้นปี จะทำให้บรรยากาศของตลาดคอนโดฯเริ่มคึกคักตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากเป็นโครงการที่ได้รับความสนใจอย่างมาก จากกลุ่มนักลงทุน เศรษฐีนักสะสม และครอบครัวดั้งเดิมที่อยู่อาศัยในพื้นที่หลังสวน รวมไปถึงกลุ่มชาวต่างชาติซึ่งเป็นตลาดที่ขยายตัวอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

ดร.สุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ MJD กล่าวว่า หลังจากประสบความสำเร็จจากโครงการ "MUNIQ Sukhumvit 23" (มิวนีค สุขุมวิท 23) คอนโดฯ หรูไฮไรซ์ ย่านอโศก-สุขุมวิท มูลค่า 2,800 ล้านบาท ไปเมื่อปีก่อน ล่าสุด ได้เปิดตัว "มิวนีค หลังสวน" บน ใจกลางเมืองย่านหลังสวน เชื่อมต่อถนนสารสิน ถนนต้นสน และถนนวิทยุ ซึ่งถือเป็นย่าน CBD ของกรุงเทพฯ แวดล้อมด้วยสถานที่สำคัญและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้ง ศูนย์การค้า สถาบันการศึกษา โรงแรมหรู โรงพยาบาล ธนาคาร ตลอดจนเป็นย่านที่ตั้งของสถานทูตและเป็นพื้นที่หนึ่งเดียวใจกลางเมืองที่อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ อย่างสวนลุมพินี ทั้งยังโดดเด่นด้วยดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ ภายใต้แนวคิด "Live Your Everlasting Romance" ผสานศิลปะในการออกแบบ และการใช้สอยพื้นที่อย่างลงตัว โดยเตรียมเปิดจองเฟสแรก10-11กุมภาพันธ์นี้

ปัจจุบัน ผู้พัฒนาอสังหาฯส่วนใหญ่ พัฒนาโครงการบนถนนเส้นนี้แบบลีสโฮลด์ (Leasehold) เนื่องจากพื้นที่ ที่เหมาะแก่การพัฒนาที่อยู่อาศัยมีอยู่จำกัด แต่โครงการ มิวนีค หลังสวน แทบจะเป็นพื้นที่ผืนสุดท้าย ที่พัฒนาในรูปแบบฟรีโฮลด์ (Freehold) ท่ามกลาง โครงการที่เป็นลีสโฮลด์บนถนนหลังสวน จึงส่งผลให้ที่ดินบนทำเลหลังสวนมีมูลค่าสูงเป็นอันดับต้นๆ ของกรุงเทพฯ โดยปัจจุบันนี้ราคาตารางวาละ 500,000 บาท และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้น มิวนีค หลังสวน จึงถือเป็นโครงการที่เหมาะกับการซื้อเพื่อเป็นที่พักอาศัย และการลงทุนอย่างมาก

สำหรับโครงการ มิวนีค หลังสวนตั้งอยู่ในซอยต้นสน มีขนาด 1-1-66.5 ไร่ สูง 28 ชั้น จำนวน 166 ยูนิต ทุกห้องถูกออกแบบให้มีขนาดใหญ่ โล่งสบายมีความเป็นส่วนตัวสูง โดยขนาด 1 ห้องนอน มีพื้นที่ใช้สอย 50-78 ตร.ม. ขนาด 2 ห้องนอน มีพื้นที่ 83-101 ตร.ม. ขนาด 3 ห้องนอน มีพื้นที่ 121-179 ตร.ม. และยูนิตพิเศษ เดอะ คอลเลกชัน ที่มีขนาดพื้นที่ 71-254 ตร.ม. ส่วนพื้นที่ใช้สอยส่วนกลางออกแบบไว้อย่างหรูหรา พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น  ฟิตเนส สระน้ำอุ่น สระเด็ก สปา ซาวน่า จากุชชี่ สวนลวยฟ้า เลานจ์สำหรับการผ่อนคลายสังสรรค์ พร้อมห้อง Private Chef ขณะเดียวกันยังสะดวกสบายด้วยบริการจุดชาร์จรถไฟฟ้า (EV Chargers) ที่จอดรถ ซึ่งสามารถรองรับรถยนต์ได้ถึง 185 คัน หรือ 111% โดยจะเริ่มก่อสร้างกลางปี 2561 และจะแล้วเสร็จในปี 2564

"กลุ่มเป้าหมายของ  มิวนีค หลังสวน เป็นคนรุ่นใหม่ อายุ 30 ปีขึ้นไป ที่เริ่มประสบความสำเร็จในธุรกิจ ให้ความสำคัญกับที่อยู่อาศัย เน้นความเป็นส่วนตัว แต่ใช้ชีวิตอยู่ในเมือง ดังนั้น การออกแบบจึงอยู่ภายใต้แนวคิด "Live Your Everlasting Romance" ผสานศิลปะเข้ากับการออกแบบที่มีความสมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิตส่วนตัว"

ดร.สุริยา กล่าวว่า MJD เชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะได้รับกระแสตอบรับที่ดี เพราะ เศรฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้น ขณะที่แนวโน้มอสังหาฯ ระดับลักชัวรีในทำเลพรีเมียมนั้น ยังคงเป็นที่ต้องการของลูกค้าระดับบน ที่ต้องการซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สองมากขึ้น หรือนักลงทุนชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อคอนโดฯ ในทำเลไพรม์แอเรียในกรุงเทพฯ เนื่องจากมี Capital Gain สูง โดยราคาขายของโครงการอยูเริ่มต้นอยู่ที่ 12.9 ล้านบาท หรือ 265,000 บาทต่อ ตร.ม. หรือมีราคาเฉลี่ยต่อตร.ม. อยู่ที่ 310,000 บาท โดยโครงการนี้จะเริ่ม Pre-Sales ในเดือนกุมภาพันธ์ คาดว่าจะมียอดจองไม่ต่ำกว่า 50%


ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา