กนกวรรณ บุญประเสริฐ
ในปี 2561 น่าจะเป็นปีที่ได้เห็นบทบาทใหม่ ที่สามารถทำได้กว้างขวางมากขึ้นของ บริษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) ที่จะออกมาเพื่อช่วยให้คนรายย่อยที่ยังไม่มีโอกาสได้เข้าถึงแหล่งเงิน ได้มีโอกาสมีบ้านเป็นของตัวเองง่ายขึ้น รวมทั้งยังได้ปรับบทบาทเพื่อรองรับธุรกรรมทางการเงิน และไลฟ์สไตล์ของคนที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปได้มากขึ้นด้วย
วสุกานต์ วิศาลสวัสดิ์ กรรมการและผู้จัดการ บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) เปิดเผยว่า หลังจาก พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2540 ...ที่มีผลบังคับใช้เมื่อ 1 ก.ย. 2560 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ บตท.ขยายขอบเขตการทำธุรกรรมได้ครอบคลุมมากขึ้น สามารถซื้อกองสินเชื่อที่อยู่อาศัย ทั้งจากสถาบันการเงิน และผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการซื้อสินเชื่อจากหน่วยงานรัฐ เช่น การเคหะแห่งชาติ
ทั้งนี้ ในส่วนของการซื้อสินเชื่อจากผู้ประกอบธุรกิจ อยู่ระหว่างการหารือสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เตรียมทำโมเดลธุรกิจในการรับซื้อพอร์ตสินเชื่อจากดีเวลลอปเปอร์เพื่อสร้างมาตรฐาน และดูเรื่องความเสี่ยง ที่สำคัญความร่วมมือครั้งนี้ยังสามารถรองรับกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ในอนาคต ที่เชื่อว่า จะมีคนรุ่นใหม่ ส่วนหนึ่งที่ไม่นิยมเรื่องการผ่อนสินเชื่อบ้านระยะยาวๆ แต่จะเลือกวิธีการ เช่าซื้อจากผู้ประกอบการแทน เพราะเมื่อผ่านไป 2-3 ปี แล้วเกิดเปลี่ยน งาน หรือมีครอบครัวที่ขยายมากขึ้น แต่งงานมีลูกเล็ก ก็จะเริ่มเปลี่ยนจากคอนโดมิเนียม มาเป็นบ้านเดี่ยวมากขึ้น ดังนั้นการที่ผู้ประกอบการหันมาทำเรื่องเช่าซื้อเองจะตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น
นอกจากนี้ บตท.ยังสามารถซื้อสินเชื่อจากบริษัทที่รับจำนองที่อยู่อาศัย หรือการให้เช่าซื้อ หรือให้เช่าแบบลีสซิ่ง คือให้เช่าระยะยาวได้ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการที่ทำลีสซิ่งปล่อยกู้บ้าน อยู่มากตามหัวเมืองใหญ่ และในกรุงเทพฯ โดยรูปแบบระดมทุนจะกลับมาเน้นเรื่องทำ ABS (AssetBacked Securities) หรือ ตราสารหนี้ ที่มีสินทรัพย์อื่น ที่ไม่ใช้หลักประกันการจำนอง เช่น สินเชื่อเช่าซื้อบ้าน เช่าซื้อรถ-บัตรเครดิต ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำ มาแล้วเมื่อ 10 ปีก่อนกับการเคหะ แห่งชาติ และในครั้งใหม่นี้จะทำควบคู่ไปกับการทำ MBS คือ ตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัย เป็นหลักประกัน การจำนอง เช่น สินเชื่อบ้านมากขึ้น
ที่ผ่านมา บตท.เคยออก MBS และ ABS มีวงเงินรวมกว่า 2.4 หมื่น ล้านบาท โดยมีพอร์ต MBS ที่ยัง ไม่ครบอายุกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท มีจำนวน 3 กอง ซึ่งจะทยอยครบกำหนดไถ่ถอนช่วงระหว่างปี 2562-2564
วสุกานต์ กล่าวต่ออีกว่า บตท.ได้หารือกับการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เพื่อหาแนวทางสนับสนุนนโยบายบ้านผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาล และโครงการบ้านแลกบ้าน เพื่อซื้อสินเชื่อจากลูกค้าในแบบการเช่าซื้อ ซึ่งในปีหน้ามีแผนลงนามร่วมกับการเคหะ แห่งชาติมีวงเงินรวม 6,000 ล้านบาท
รวมทั้งยังได้ลงนามร่วมกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ในการเข้ามาปล่อยกู้เพิ่มให้กับลูกค้าที่อยู่ในพอร์ตของ บตท. ซึ่งพบว่ามีลูกค้ากลุ่มเอสเอ็มอี ที่มีความต้องการสินเชื่อเพิ่ม โดยสามารถใช้หลักทรัพย์ที่ยังอยู่กับ บตท.ในการขอสินเชื่อเพิ่มได้
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ บตท.รอกฎกระทรวงที่ออกมาเพื่อจัดตั้งกลุ่ม ที่ทำธุรกรรมที่จะเพิ่มขึ้นจากการ แก้กฎหมายใหม่ ทำไปควบคู่กับการปรับโครงสร้างภายใน ที่จะทำให้มี หลักเกณฑ์ในการคัดเลือกซื้อสินเชื่อ ที่มีคุณภาพมากขึ้น เช่น การกำหนดขนาดธุรกรรมในการรับซื้อสินเชื่อจากบริษัทเอกชน เพื่อให้กระจายวงเงิน และการกำหนดเกณฑ์การซื้อสินเชื่ออาจมีการทำข้อตกลงเป็นรายปี เพื่อให้มีการทำธุรกรรมที่สม่ำเสมอ ซึ่งในปี 2561 บตท.ตั้งเป้าการซื้อสินทรัพย์ไม่น้อยกว่า 9,000 ล้านบาท
โดยเป้าหมายที่สำคัญในการพัฒนา บตท. คือ ไม่อยากให้คนมองว่า บตท.เป็นที่ผ่อนหนี้ เอาหนี้ไม่มีคุณภาพมาขาย แต่อยากให้ บตท.เป็นที่ระดมทุนใหม่ เป็นแหล่งแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพ ต่อไป
Baanlumpini
ทางทีมงาน Bestbuycondo
ขอขอบคุณ ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
Home Unlabelled ในปี 2561 น่าจะเป็นปีที่ได้เห็นบทบาทใหม่ห้คนรายย่อยได้มีโอกาสมีบ้านง่ายขึ้น
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น
(
Atom
)
แสดงความคิดเห็น