นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่า ภายหลังจากประสบความสำเร็จจากแคมเปญ 30 Happydays ที่ได้สะท้อนภาพประสบการณ์แห่งความสุขตามกลยุทธ์ "ชุมชนน่าอยู่" ในปีนี้จึงได้สานต่อด้วยการส่งแคมเปญ Happiness of Caring ผ่านภาพยนตร์ 4 เรื่องเจาะกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน ได้แก่ ครอบครัวที่มีลูกเล็ก, ผู้หญิงโสดอยู่คนเดียว, คนทำงานที่ต้องการเพื่อนบ้านที่ดีและกลุ่มนักศึกษา ที่ต้องการที่อยู่ที่ปลอดภัยในกรุงเทพฯ โดยจะเริ่มโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม โดใชงบประมาณ 30 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทต้องการสื่อแนวคิดเรื่องการบริหารชุมชนอย่างแท้จริง โดยชี้ให้เห็นประสบการณ์ที่เกิดจากการดูแลเอาใจใส่คนในโครงการ เพราะการใช้ชีวิตในคอนโดฯจะต้องมีเพื่อนบ้านที่อยู่ห้องข้างเคียง ชั้นบน-ล่าง แต่ละคนมีความแตกต่าง ความต้องการและวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี ไม่เอาใจใส่ดูแลกันและกันให้ดี การอยู่อาศัยในคอนโดฯก็จะไม่มีความสุข
จากประสบการณ์ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดฯ ตลอด 20 ปี มีการโอนที่อยู่อาศัยไปแล้วกว่า 4 แสน ยูนิต มีผู้อาศัยกว่า 1 แสนราย ซึ่งบริษัทเน้นเรื่องการบริหารชุมชนภายใต้กลยุทธ์ "ชุมชนน่าอยู่" มาตลอด แต่อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีโครงการคอนโดฯเกิดขึ้นจำนวนมาก บริษัทจึงต้องชี้ให้เห็นถึงความแตกต่าง เพราะการอยู่อาศัยในคอนโดฯ ไม่ใช่เพียงแค่เลือกซื้อเพราะทำเล ราคาเท่านั้น แต่จะต้องดูถึงประวัติการบริหารจัดการของผู้ประกอบการด้วย เพื่อให้การอยู่อาศัยมีความสุข
"การพัฒนาคอนโดฯไม่ใช่เพียงแค่ซื้อที่ดินทำเลดีๆแล้วขาย พอขายเสร็จก็โอนให้นิติบุคคลอาคารชุดเป็นผู้บริหารงานต่อ ซึ่งมีหลายโครงการที่ประสบปัญหาการบริหารจัดการดังนั้นผู้บริโภคจะต้องเลือกให้ดี ดูประวัติการให้บริการหลังการขาย เพื่อจะได้ไม่เสียใจหลังจากซื้อคอนโดฯแล้ว"
นายโอภาส กล่าวต่อว่า แคมเปญ Happiness of Caring นอกจากจะแสดงความแตกต่างของการพัฒนาคอนโดฯของ LPN กับผู้ประกอบการรายอื่นแล้ว ยังต้องการตอกย้ำแบรนด์ ลุมพินี ว่าเป็นแบรนด์คอนโดฯของบริษัท เพราะที่ผ่านมาพบว่าลูกค้าบางรายยังสับสนแบรนด์สินค้าของผู้ประกอบการรายอื่น
ด้านผลการดำเนินงาน 7 เดือนบริษัทมียอดขายแล้ว 11,000 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีจะสามารถสร้างยอดขายได้ประมาณ 15,000-16,000 ล้านบาท โดยในเดือนตุลาคมเตรียมเปิดโครงการขนาดใหญ่ ลุมพินี พาร์ค ริเวอร์ไชด์ พระราม 3 ริมน้ำเจ้าพระยา ขนาด 14 ไร่ มูลค่าโครงการ5,500 ล้านบาท ปีนี้บริษัทตั้งเงินลงทุนซื้อที่ดินไว้ 3,200 ล้านบาท ปัจจุบันใช้ไปแล้ว 1,700 ล้านบาท เหลืองบซื้อที่ดินในช่วงที่เหลืออีก 1,500 ล้านบาท คาดว่าจะซื้อได้ประมาณ 2-3 แปลง
ที่มา : Bestbuycondo.com
ที่มา : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน
แสดงความคิดเห็น