บิ๊กอสังหาฯปลื้มยอดขายรุกโครงการต่อเนื่อง

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถสร้างยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยรวมประมาณ 7,900 ยูนิต

จากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรวมทั้งสิ้น 55 โครงการ คิดเป็นยอดขายกว่า 27,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปีก่อนถึงกว่า 93% โดยคาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทจะเติบโตขึ้นในทิศทางเดียวกันหรือสูงกว่าปีก่อนถึง 20% นอกจากนี้ปัจจุบันกลุ่มบริษัทแสนสิริฯมียอดขายล่วงหน้าที่รอรับรู้รายได้ในอีก 1 - 3 ปี ประมาณ 24,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความมั่นคงในระยะยาวให้กับบริษัทเป็นอย่างดี

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2554 กลุ่มบริษัทแสนสิริฯยังคงใช้กลยุทธ์การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่ครบวงจร โดยมีแผนจะเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ๆ อย่างน้อย 23 โครงการ มูลค่าโครงการขายประมาณ 30,000 ล้านบาท ประกอบด้วย การพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว 8 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 10,000 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 11 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 17,000 ล้านบาท และโครงการทาวน์เฮาส์ประมาณ 4 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาที่ต่อเนื่องจากปีก่อน กลุ่มบริษัทแสนสิริฯและบริษัทในเครือจะมีโครงการที่อยู่อาศัยรองรับการขายในปี 2554 อย่างน้อยถึง 80 โครงการ ส่วนประมาณการยอดขายรวมสำหรับปี 2554 ไว้ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท
ด้านนางอรฤดี ณ ระนอง ประธานอำนวยการ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลประกอบการในรอบปีที่ผ่านมาว่า สามารถทำผลประกอบการเติบโตได้กว่า 70% คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,260 ล้านบาท จากปีก่อนหน้า และเติบโตกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะทำได้ 2,194 ล้านบาท โดยช่วง 9 เดือนแรกปี 2553 บริษัทมีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 88.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปี 2552 ซึ่งมีผลขาดทุนประมาณ 21.4 ล้านบาท ซึ่งยอดรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มียอดรับรู้รายได้รวม 1,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนประมาณ 929 ล้านบาท ซึ่งปีนี้บริษัทยังคงลงทุนต่อเนื่องเพื่อสร้างยอดขายให้ได้ 3,500 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตกว่า 50%
"ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทประสบความสำเร็จตามแผนที่วางไว้ โดยรายได้ประมาณ 64% จะมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และอีกประมาณ 34% จากธุรกิจสังกะสีออกไซด์ ด้วยธุรกิจสังกะสีออกไซด์ที่แนวโน้มตลาดยังคงไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะจากภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก ขณะนี้บริษัท อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ และเมื่อโรงงานแห่งนี้แล้วเสร็จสมบูรณ์จะสามารถรองรับความต้องการในตลาดด้วยกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่าปีละ 18,000 ตัน จากเดิมที่อยู่ประมาณ 15,000 ตันต่อ ปี" นางอรฤดี กล่าวและว่า

ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ รวม 3,800 ล้านบาท และวางแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ๆ ภายใต้แบรนด์ ยู ดีไลท์ อีกประมาณ 3 โครงการภายในปีนี้ ด้วยมูลค่าโครงการรวมประมาณ 3,300 ล้านบาท โดยยังคงมุ่งพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับกลาง เกาะติดแนวคมนาคมหลักเช่นเดิม โดยบริษัท ตั้งเป้ายอดการรับรู้รายได้ในปี 2554 ไว้ไม่ต่ำกว่า 2,100 ล้านบาท

ที่มา : Bestbuycondo
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

1 ความคิดเห็น :

  1. ขอขอบคุณข้อมูลการลงทุนเรื่องคอนโดมิเนียมมากครับ
    ผมคนหนึ่งแหละครับที่กำัลังจะซื้อคอนโดบางแสนไว้ซักห้องหนึ่ง

    ขอบคุณครับ

    ตอบลบ

Designed by OddThemes | Distributed by Gooyaabi Templates